ชุดวัดค่า API
อุปกรณ์ในชุดประกอบด้วย
1.Hydrometer
Rang#29-41
Rang#39-51
Rang#49-61
Rang#59-71
2.Thermometer ASTM[0-180F]
3.Measuring Cylinder500c.c.
4.ตารางคู่มือค่า
จัดแพ็คป้องกันการกระแทกอย่างดี พร้อมกระเป๋าใส่
สะดวกในการใช้งาน และการเคลื่อนย้าย-เดินทาง
การใช้ชุดวัดค่าน้ำมัน API
ตรวจสอบคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิง (เบื้องต้น)
ที่มา กรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน
ttps://www.doeb.go.th/knowledge/data/trend_lube54.pdf
1.น้ำมันเบนซิน
1.1 ตรวจดูสี
-เบนซินออกเทน 91 ปกติจะต้องมีสีแดง
-เบนซินออกเทน 95 ปกติจะต้องมีสีเหลือง
1.2 ตรวจสอบลักษณะที่ปรากฎ ดังนี้
ต้องเป็นของเหลวใส ไม่ขุ่น ไม่แยกชั้น ไม่มีสารแขวนลอย และตะกอน
กรณีมีน้ำปนในน้ำมันเบนซิน มีลักษณะแยกชั้น ไม่เป็นเนื้อเดียวกัน (น้ำจะอยู่ด้านล่าง)
1.3 ตรวจสอบการระเหย ดังนี้
เพื่อทดสอบน้ำมันเบนซินที่ถูกปลอมปนด้วยน้ำมันก๊าด หรือน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว โดยการหยด
น้ำมันเบนซิน ลงบนกระดาษขาวให้มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ 2.5 ซ.ม. แล้วจับเวลาตั้งแต่เริ่มหยดจนกระทั่งน้ำมันระเหยหมด น้ำมันเบนซินจะใช้เวลาในการระเหย 45 วินาที ถ้าน้ำมันฯ ใช้เวลาระเหยเกินกว่าเวลาดังกล่าวให้สงสัยไว้ก่อนว่า น้ำมันเชื้อเพลิงนั้นอาจมีน้ำมันดีเซล หรือ น้ำมันก๊าดปนอยู่ด้วย
ในกรณีที่น้ำมันดีเซลปนอยู่ จะปรากฏคราบติดอยู่บนกระดาษจนสังเกตได้ชัดเจน การทดสอบควรทดสอบในห้องที่มีแสงสว่างเพียงพอ และไม่มีลม
1.4 ตรวจวัดค่าความถ่วง API ดังนี้
น้ำมันเชื้อเพลิงเป็นของผสม จึงมีคุณสมบัติหนึ่ง ที่แตกต่างกันไปก็คือความหนัก-เบา ของน้ำมัน สามารวัดได้โดยใช้เครื่องมือที่เรียกว่า ไฮโดรมิเตอร์ (Hydrometer)
1.4.1 เครื่องมือและอุปกรณ์
1.กระบอกตวงขนาด 500 ml.
2.ไฮโดรมิเตอร์ชนิดมีเทอร์โมมิเตอร์อยู่ในตัว เมื่อใช้วัดจะอ่านได้ทั้งค่า API และอุณหภูมิของน้ำมันในขณะวัด น้ำมันเบนซินจะใช้ไฮโดรมิเตอร์ช่วงวัด 49-61 และ 59-71
3. เทอร์โมมิเตอร์ (กรณีใช้ไฮโดรมิเตอร์ชนิดไม่มีเทอร์โมมิเตอร์) ช่วงวัดอุณหภูมิ 0-150 องศา F
4. ตารางแปลงค่า
1.4.2 ขั้นตอนวิธีการ
1.เขย่าตัวอย่างน้ำมันที่ต้องการทดสอบให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน เทลงในกระบอกตวงเล็กน้อยเพื่อล้างทำความสะอาดกระบอกตวงจนสะอาด แล้วเททิ้งไป แล้วจึงเทตัวอย่างน้ำมันลงไปประมาณ 3 ใน 4 ของกระบอกตวง หรือมากกว่าเล็กน้อย พยายามอย่าให้มีฟองอากาศ
2.ค่อย ๆ จุ่มไฮโดรมิเตอร์ลงไป แล้วปล่อยให้ลอยตัวหยุดนิ่งโดยอิสระ ไม่เกาะติดข้างแก้วของกระบอกตวง
3.อ่านค่าความถ่วง API ที่ขีดระดับของไฮโดรมิเตอร์ซึ่งตรงกับระดับน้ำมัน (ผิวโค้งล่าง)
โดยให้สายตาอยู่ในระดับเดียวกับระดับน้ำมัน แล้วบันทึกค่าไว้
4.อ่านค่าอุณหภูมิของน้ำมันในระดับสายตาในขณะที่ไฮโดรมิเตอร์จุ่มอยู่ในน้ำมัน (ผิวโค้งล่าง) แล้วบันทึกค่าไว้ (ไฮโดรมิเตอร์ชนิดมีเทอร์โมมิเตอร์อยู่ในตัว) หรือ อ่านค่าอุณหภูมิของน้ำมันในระดับสายตาในขณะที่เทอร์โมมิเตอร์จุ่มอยู่ในน้ำมันในระดับเดียวกับไฮโดรมิเตอร์ แล้วบันทึกค่าไว้
5.นำค่าความถ่วง API และค่าอุณหภูมิที่อ่านได้ไปเปิดตารางแปลงค่า โดยแทนค่าความถ่วงเอ.พี.ไอ. ลงในบรรทัดบนสุดหรือล่างสุด และค่าอุณหภูมิลงในแนวตั้งซ้ายสุด หรือขวาสุดของตาราง ลากพบกันจะได้ค่าความถ่วง API ที่อุณหภูมิ 60 องศา F (15.6 องศา C)
2.น้ำมันแก๊สโซฮอล์
2.1 ตรวจดูสี ดังนี้
-แก๊สโซฮอลล์ E10 ออกเทน 91 ต้องมีสีเขียว
-แก๊สโซฮอล์ E10 ออกเทน 95 ต้องมีสีส้ม
-แก็สโซฮอล์ E20 ออกเทน 95 ไม่กำหนดสี
2.2 ตรวจสอบลักษณะที่ปรากฎ ดังนี้
ต้องเป็นของเหลวใส ไม่ขุ่น ไม่แยกชั้น และไม่มีสารแขวนลอย และตะกอน
กรณีมีน้ำปนในน้ำมันแก๊สโฮอล์ มีลักษณะแยกชั้น ไม่เป็นเนื้อเดียวกัน (น้ำอยู่ด้านล่าง)
2.3ตรวจสอบการระเหย เช่นเดียวกับน้ำมันเบนซิน
2.4 ตรวจวัดค่าความถ่วง API ดังนี้
วิธีตรวจวัดเช่นเดียวกับน้ำมันเบนซิน
ใช้ไฮโดรมิเตอร์ช่วงวัด 49-61 และ 59-71 และเทอร์โมมิเตอร์ช่วงวัดที่อุณหภูมิ 0-150 องศา F
3.น้ำมันดีเซล
3.1 ตรวจดูสี ดังนี้
-ดีเซลหมุนเร็วธรรมดา ต้องมีสีเหลือง (สีตามธรรมชาติของน้ำมัน)
-ดีเซลหมุนเร็ว บี 5 ต้องมีสีเขียว
3.2 ตรวจสอบลักษณะที่ปรากฎ ดังนี้
ต้องเป็นของเหลวใส ไม่ขุ่น ไม่แยกชั้น และไม่มีสารแขวนลอย และตะกอน
กรณีมีน้ำปนในน้ำมันดีเซล มีลักษณะขาวขุ่น
3.4 ตรวจวัดค่าความถ่วง API ดังนี้
วิธีตรวจวัดเช่นเดียวกับน้ำมันเบนซิน
ใช้ไฮโดรมิเตอร์ช่วงวัด 29-41 และ 39-51 และเทอร์โมมิเตอร์ช่วงวัดที่อุณหภูมิ 0-150 องศาF
.gif)
